หลังทำบอลลูนหัวใจ ต้องปฏิบัติตัวอย่างไรให้ปลอดภัยและถูกต้อง

ศูนย์ : ศูนย์หัวใจ

บทความโดย : พญ. พัชรี ภาวศุทธิกุล

หลังทำบอลลูนหัวใจ ต้องปฏิบัติตัวอย่างไรให้ปลอดภัยและถูกต้อง

โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เป็นโรคหัวใจที่เกิดจากไขมันสะสมในผนังหลอดเลือด ทำให้เนื้อเยื่อผนังหลอดเลือดชั้นในหนาตัวเพิ่มมากขึ้นและเกิดตีบแคบลง ส่งผลให้เลือดไหลไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจไม่เพียงพอ จนเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ทำให้มีอาการเจ็บหน้าอก แน่นหน้าอกเฉียบพลัน และอาจเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันทำให้เสียชีวิตกะทันหันได้ ซึ่งแนวทางการรักษาในปัจจุบัน โดยวิธีการขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยการทำบอลลูนหัวใจ (Balloon Angioplasty) ถือเป็นอีกทางเลือกในการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบที่มีประสิทธิภาพ

การทำบอลลูนหัวใจ หรือ การขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูน (Balloon Angioplasty) ถือว่าเป็นการรักษาที่นิยมมาก เพราะเป็นการรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องดมยาสลบ โอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนต่ำ ใช้เวลาเฉลี่ย 1-2 วัน ก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้เป็นปกติ โดยไม่ต้องกังวลกับอาการภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด แต่เพื่อให้ผู้ป่วยที่ได้รับการทำบอลลูนหัวใจสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้เป็นปกติอย่าง ปลอดภัยและถูกต้อง การปฏิบัติตัวหลังทำบอลลูนหัวใจจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม


การปฏิบัติตัวหลังทำบอลลูนหัวใจเมื่ออยู่ที่โรงพยาบาล

การปฏิบัติตัวหลังทำบอลลูนหัวใจนั้นเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ได้ ควรปฏิบัติดังนี้

  1. ต้องนอนราบอย่างน้อยประมาณ 6 – 10 ชั่วโมง หลังทำการตรวจสวนหัวใจ
    • กรณีทำการฉีดสีผ่านขาหนีบ หลังจากทำเสร็จจะดึงสายสวนออก และกดบริเวณขาหนีบประมาณ 15 นาที โดยไม่ต้องเย็บแผล ผู้ป่วยต้องนอนราบ และงอขาหนีบไม่ได้ 6-10 ชั่วโมง ไม่สามารถลุกนั่ง หรือเดินได้ในทันที
    • กรณีทำการฉีดสีผ่านข้อมือ วิธีนี้จะเหมาะกับผู้ป่วยที่มีน้ำหนักตัวมาก อ้วนมาก หรือมีภาวะหลอดเลือดขาส่วนปลายตีบ โดยใช้ระยะเวลาพักฟื้น 4-8 ชม. หลังจากทำเสร็จสามารถลุก นั่ง หรือยืนได้ทันที มีเพียงสายรัดข้อมือ (TR band) ใส่ไว้ แต่ไม่นานก็สามารถถอดออกได้
  2. ระหว่างนี้ควรจะดื่มน้ำ ประมาณ 1 ลิตร หากไม่มีข้อจำกัดเรื่องน้ำดื่ม เพื่อขับสารทึบรังสี
  3. สังเกตแผลตำแหน่งบริเวณที่ทำหัตถการ หากมีเลือดไหล ปวด บวม แดงร้อน หรือเย็น ซีด เป็นก้อน ให้แจ้งพยาบาลประจำหอผู้ป่วยได้ทันที
  4. ถ้าปวดแผลบริเวณที่ทำหัตถการ สามารถรับประทานยาแก้ปวดได้ หรือปรึกษาแพทย์ก่อน

การปฏิบัติตัวหลังทำบอลลูนหัวใจเมื่อกลับไปอยู่บ้าน

  1. รับประทานยาอย่างต่อเนื่อง เช่น ยาต้านเกล็ดเลือด เป็นต้น โดยไม่ควรหยุดยาเอง พร้อมสังเกตอาการผิดปกติ เช่น เจ็บหน้าอกให้มาพบแพทย์ทันที
  2. ดูแลแผลตำแหน่งที่ทำหัตถการอย่าโดนน้ำประมาณ 3 วัน หรือหากโดนให้ใช้เบตาดีนเช็ดบริเวณแผล
  3. งดออกกำลังกายหนัก งดการขับรถเอง หรือใช้แรงมากในช่วง 2 สัปดาห์แรก
  4. หลังจาก 2 สัปดาห์ สามารถออกกำลังกายให้ถึงระดับเหนื่อยพอควรได้ วันละอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง/สัปดาห์ และไม่น้อยกว่า 5 วัน
  5. ห้ามยกของหนักเกิน 5 กิโลกรัม ประมาณ 1 เดือน หลังทำหัตถการตรวจสวนหัวใจ
  6. หากไอหรือเบ่ง ให้กดบริเวณแผลไว้ หลังทำหัตถการตรวจสวนหัวใจ ประมาณ 7 สัปดาห์ (ในกรณีทำบริเวณขาหนีบ)
  7. ในระยะแรก กิจวัตรประจำวันอาจทำไห้เหนื่อยง่ายได้ ดังนั้นควรพักผ่อนครั้งละ 20-30 นาที วันละ 2 ครั้ง ในเวลากลางวัน ไม่จำเป็นต้องนอนพักแค่นั่งพักก็เพียงพอ และพยายามนอนหลับให้ได้ 8-10 ชั่วโมง
  8. หลีกเลี่ยงอาหารบางชนิดเพื่อไม่ให้เกิดการตีบซ้ำของหลอดเลือดหัวใจในอนาคต ได้แก่
    • หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้คอเลสเตอรอลในเลือดสูง เช่น ไข่แดง เครื่องในสัตว์ อาหารทะเล เป็นต้น
    • หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้น้ำตาลในเลือดสูง เช่น ข้าวเหนียวทุเรียน ทองหยิบ ทองหยอด ทุเรียน ลำไย เป็นต้น
    • ควรลด ชา กาแฟ และน้ำอัดลม เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
  9. ควรรับประทานผักทุกชนิด ผลไม้ที่ไม่มีรสหวานจัด เช่น มะละกอ พุทรา แอปเปิล ฝรั่ง เป็นต้น
  10. เลิกสูบบุหรี่อย่างถาวร
  11. ปรับการดำเนินชีวิตประจำวันให้เหมาะสม มีเวลาพักผ่อนพอเพียง และจัดการความเครียดอย่างเหมาะสม
  12. ควรกลับไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้งเพื่อเฝ้าดูอาการ และติดตามผลการรักษาของหลอดเลือดหัวใจ

อาการผิดปกติที่ควรมาพบแพทย์

  1. มีอาการวิงเวียนศีรษะ หายใจติดขัด หัวใจเต้นเร็ว คลื่นไส้ ปวดหลัง
  2. มีอาการแน่นหน้าอกทันทีเมื่อพัก และอมยาแก้อาการแล้วไม่หาย
  3. บริเวณที่ใส่สายมีเลือดออก หรือบวม
  4. มีอาการแสดงว่าติดเชื้อ เช่น แผลแดง มีน้ำเหลือง มีไข้ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม การทำบอลลูนหัวใจ เป็นการรักษาที่สามารถทำให้ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบกลับมามีชีวิตที่เป็นปกติสุขได้อีกครั้ง แต่ทั้งนี้ผู้ป่วยก็จำเป็นต้องดูแลร่างกายตัวเองให้ดีอยู่เสมอ เพื่อลดโอกาสการตีบตันซ้ำที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต




ปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพแบบออนไลน์
ไม่เสียค่าใช้จ่าย




Share :

สินค้าในตระกร้าไม่ถูกต้องตามเงื่อนไข, กรุณาตรวจสอบจำนวน
จัดการตระกร้าสินค้า

เมื่อคลิก “อนุญาตคุกกี้ทั้งหมด” หมายความว่าผู้ใช้งานยอมรับที่จะเปิดการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ เพื่อให้เว็บไซต์สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องและเต็มประสิทธิภาพ เพื่อเปิดใช้คุณสมบัติของโซเชียลมีเดีย และเพื่อวิเคราะห์การเข้าใช้งานเพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการทำการตลาดและการโฆษณา รวมถึงการแบ่งปันข้อมูลการใช้งานกับพาร์ทเนอร์โซเชียลมีเดีย